สงครามสุกี้ – ตอนที่ 1 ภาพรวมตลาดสุกี้

สงครามสุกี้ ตอนที่ 1 ภาพรวมตลาดสุกี้ กรณีศึกษาสำหรับธุรกิจ SME
จุดเริ่มต้นสงครามร้านสุกี้ ตอนที่ 1 บทนำ กรณีศึกษาสำหรับธุรกิจ SME

จุดเริ่มต้นสงครามสุกี้

ธุรกิจสุกี้ มีมูลค่าตลาดรวมค่อนข้างสูง และเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีการแข่งขันค่อนข้างสูง และเป็น “จุดเริ่มต้นสงครามร้านสุกี้” ในปี 2568 โดยมี MK เป็นผู้นำตลาดในกลุ่ม “สุกี้แบบพรีเมียม” และ ตี๋น้อย เป็นผู้นำตลาดในกลุ่ม “สุกี้ราคาประหยัด” ความสำเร็จ และการแข่งขันที่เข้มข้นในธุรกิจร้านสุกี้เป็นกรณีศึกษาที่ดีสำหรับธุรกิจ SME

มูลค่าตลาดสุกี้ในประเทศไทย

มูลค่ารวมของตลาดสุกี้ในไทยอยู่ที่ประมาณ 25,000–30,000 ล้านบาทต่อปี ถือเป็นหนึ่งในกลุ่มอาหารที่เติบโตต่อเนื่อง จากความนิยมของอาหารสุขภาพ การขยายตัวของห้างสรรพสินค้า และคอมมูนิตี้มอลล์ การแข่งขันด้านราคาและโปรโมชั่น และที่สำคัญ คือ การเติบโตของผู้บริโภคกลุ่มใหม่ กลุ่ม “สุกี้ราคาประหยัด” ของคนรุ่นใหม่ทั้งกลุ่มนักศึกษาและกลุ่มคนเริ่มทำงาน

ส่วนแบ่งตลาดของแบรนด์หลัก

แบรนด์

ส่วนแบ่งตลาดโดยประมาณ

จุดเด่น

MK Suki

60–65%

ผู้นำตลาดสุกี้มายาวนาน มีสาขาครอบคลุมทั่วประเทศ

สุกี้ตี๋น้อย

15–20%

ราคาประหยัด เปิดบริการถึงดึก เจาะกลุ่มวัยรุ่นและคนทำงาน

Hot Pot Buffet / Shabu Shi

10–15%

เน้นบุฟเฟ่ต์และกลุ่มครอบครัว

Suki House / สุกี้เจ้าอื่น ๆ

5–10%

แบรนด์ท้องถิ่นหรือร้านอิสระในแต่ละจังหวัด

หมายเหตุ: ตัวเลขเป็นการประมาณจากรายงานอุตสาหกรรมอาหารและการวิเคราะห์ของนักลงทุนในปี 2566–2567

ส่วนแบ่งแนวโน้มการแข่งขัน

การแข่งขันในตลาดสุกี้เข้มข้นมากขึ้น MK ยังครองตลาดด้วยความแข็งแกร่งด้านแบรนด์ ความเชื่อมั่น และระบบบริการ แต่ด้วยสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน ทำให้ผู้บริโภคระมัดระวังในการใช้จ่ายมากขึ้น ตลอดจนมีร้านสุกี้ หรือชาบู ทั้งในระดับพรีเมี่ยม ระดับกลาง และราคาประหยัดมากขึ้น ทำให้ผู้บริโภคมีทางเลือกมากขึ้น ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อผลประกอบการมากขึ้น

ในขณะที่สุกี้ตี๋น้อย เติบโตเร็วมากในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา โดยใช้กลยุทธ์ “ราคาถูก + เปิดดึก + บรรยากาศวัยรุ่น”

หลังจากสุกี้ตี๋น้อยประสบความสำเร็จในการเปิดเกมรุกทางการตลาด และมีส่วนแบ่งทางการตลาดเพิ่มมากขึ้น ทำให้เอ็มเคเริ่มขยับ ในปี 2568 การแข่งขันในตลาดร้านสุกี้เริ่มทวีความเข้มข้นมากขึ้น หลังจากเอ็มเคได้จัดโปรโมชั่น “MK คุ้มคุ้ม อิ่มไม่อั้น 299 บาท” เริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน 2568 โดยเปิดให้บริการในสาขาที่กำหนดทั่วประเทศกว่า 100+ สาขา ทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัด พร้อมกับขยายโปรโมชั่น และปรับโปรโมชั่นจนถึงปัจจุบัน

เอ็มเคยังเปิดตัว Bonus Suki เพื่อเจาะตลาดบุฟเฟต์ระดับกลาง–ล่าง แข่งกับแบรนด์อย่าง “สุกี้ตี๋น้อย” และ “ลัคกี้ สุกี้” 276 บาท/คน (รวม VAT และน้ำรีฟีล) โดยเปิดสาขาแรกที่ ศูนย์การค้า โรบินสัน ไลฟ์สไตล์ สระบุรี เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2568 และเปิดสาขาแรกในกรุงเทพที่ พาซิโอ รามคำแหง (ใกล้ซอยรามคำแหง 127) ในเดือนสิงหาคม 2568 และมีแผนขยายสาขาทั้งในกรุงเทพ และต่างจังหวัดเพิ่มเติม เช่น เมืองใหญ่ระดับภูมิภาค (ขอนแก่น, เชียงใหม่, หาดใหญ่) เป็นต้น

เมื่อเอ็มเคขยับลงมาแข่งขันในตลาดบุฟเฟต์ระดับกลาง–ล่าง “สุกี้ตี๋น้อย” ก็ขยับขึ้นไปแข่งขันในตลาดบน โดยเปิดร้านสุกี้ Teenoi Gold ซึ่งเป็นแบรนด์พรีเมียมในราคา 599 บาท (ไม่รวมรีฟีล 49 บาทและ VAT) โดยจัดโปรโมชั่น 499 บาท ถึง 31 ธ.ค. 2568 (ราคาสุทธิช่วงโปร: ประมาณ 586 บาท รวมรีฟีลและ VAT) โดยเปิดสาขาแรกที่เมเจอร์ อเวนิว รัชโยธิน เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2568 และมีแผนขยายสาขาให้ครบ 11 สาขาในปี 2569

ล่าสุด เอ็มเค เปิดตัว MK PREMIUM BUFFET เริ่มวันที่ 16 กันยายน 2568 มี 3 ระดับราคา เริ่มตั้งแต่
1. ราคา 499 บาท มี เนื้อธรรมดา, เนื้อบริสเกต, ลูกชิ้นแซลมอน MK, กุ้งแก้ว, ติ่มซำ 7 อย่าง, บะหมี่/ข้าวหมูแดง หมูกรอบ และหมี่หยก
2. ราคา 699 บาท เพิ่มวากิวออส ชอตเพลท US, กุ้งแม่น้ำ, ปลากะพง, แซลมอน, หอยเชล, ข้าว/บะหมี่เป็ดย่าง, ติ่มซำ + 5 อย่าง (รวมเผือกทอด)
3.ราคา 899 บาท เพิ่ม เป็ดย่าง, หมูแดง, หมูกรอบ, กุ้งลายเสือ, วากิวสันคอ, หอยเชลล์ตัวใหญ่, หมึกยัดไส้, ติ่มซำ + 3 อย่าง

การแข่งขันในตลาดสุกี้ยังคงเข้มข้นต่อไป โดยแบ่งเซ็กเม้นอย่างชัดเจน และมีแข่งขันบนเซ็กเม้นเดียวกันมากขึ้น มากกว่าการแข่งขันข้ามเซ็กเม้นในอดีต บนยุทธศาสตร์การ แข่งขันที่ซับซ้อนมากขึ้น

บทความที่เกี่ยวข้อง